วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

รอบดวงตา... อย่าให้หมองคล้ำ



ลองมาดูวิธีลดรอบดวงตาดำคล้ำกันเลยค่ะวิธีแก้ไขง่าย ๆ พื้น ๆ มากค่ะ ใครจะทำตาม จึงไม่ต้องกังวลว่าจะปฏิบัติตามไม่ได้ เริ่มแรกจะแก้ไขที่สาเหตุก่อนค่ะ เช่น - ถ้าปัญหาเกิดจากนอนน้อย ควรหาเวลานอนพักผ่อนให้เพียงพอ - การขยี้ตาแรงๆ ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง เพราะฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงเด็ดขาดค่ะ - ล้างหน้าหรือเช็ดเครื่องสำอางให้เบามือที่สุดค่ะ ถ้าแก้ที่สาเหตุแล้วขอบตายังบวมคล้ำ คราวนี้มาใช้แตงกวาฝานบางๆ แช่เย็น แปะไว้ที่เลือกตาสักพัก ซึ่งก็พอช่วยได้ ส่วนครีมรอบดวงตาที่มีขายอยู่ทั่วไปนั้น บางชนิดก็พอช่วยได้บ้างแต่วิธีนี้ขอให้ระมัดระวังสักหน่อย เพราะครีมบางชนิดอาจทำให้เกิดผื่นแพ้ได้ จึงควรเลือกใช้ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และไม่ลืมทดสอบที่บริเวณท้องแขนก่อนใช้กับรอบดวงตา แต่ถ้าไม่มั่นใจก็จะปรึกษาแพทย์ผิวหนังดูก่อนค่ะ

อาหารเสริมสวย



ในอดีต เราคงคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพจำพวกวิตามินต่างๆ น้ำมันปลา หรือสารสกัดจากธรรมชาติอื่น ๆ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แต่ในปัจจุบัน อาหารเสริมได้เกิดขึ้นเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาความงามในจุดต่าง ๆ เช่น ฝ้า กระ ปัญหาสีผิว ริ้วรอยหรือจุดด่างดำ ฯลฯ ด้วยการสังเคราะห์สารเคมีหรือนำสารสกัดจากธรรมชาติที่เชื่อว่ามีผลในทางบวก ต่อปัญหานั้นๆ มาอยู่ในรูปของอาหารเสริม สารส่วนใหญ่ที่ผสมอยู่ในอาหารเสริมแต่ละชนิดมักจะคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกัน อาจแตกต่างกันบ้างด้วยกลไกทางการตลาดและ "เทรนด์" ที่เป็นตัวกำหนดว่า สารไหนมาแรงและเป็นที่นิยมกลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นสารสกัดที่ได้มาจากปลา เนื้อ แอสพารากัส อะโวคาโด และวอลนัท ทำให้สีผิวสม่ำเสมอ จุดด่างดำดูจางลง และทำให้ผิวขาวขึ้น คุณสมบัติของสาร Detoxification ที่มีอยู่จะเปลี่ยนสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายและขับถ่ายทิ้ง ช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานของวิตามิน C และ E ให้ดูดซึมได้ดีขึ้น ไม่พบว่ามีผลข้างเคียงใดๆ ต่อผู้ใช้ ขนาดที่ควรรับประทานอยู่ที่ 500-1000 มิลลิกรัมต่อวันโคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ลดการเกิดริ้วรอย ป้องกันผิวหนังอักเสบจากแสงแดด และช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้เซลล์ผิวทำให้ผิวยืดหยุ่นแข็งแรง พบมากในอาหารทะเล เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ รำข้าว ผลิตภัณฑ์จากถั่ว น้ำมันถั่วเหลือง บรอคโคลี่ เป็นต้น ถูกดูดซึมได้ดีหากรับประทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมัน ปริมาณที่แนะนำคือ 30 มิลลิกรัมต่อวันเปลือกสนสกัด (Pine Bark) ช่วยทำให้ผิวขาว ใส และลดปฏิกิริยาการเพิ่มเม็ดสีของผิวหนังเมื่อถูกแดด รวมทั้งลดขนาดและความเข้มของฝ้าโดยไม่มีผลข้างเคียงกับผิวบริเวณอื่น ไม่มีปฎิกิริยากับยา สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวอื่นๆ ปริมาณที่ควรรับประทานนั้นอยู่ที่ 20-25 มิลลิกรัมต่อวันสารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว และป้องกันผิวจากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต รวมทั้งลดอาการแพ้จากสภาพแวดล้อมและเครื่องสำอาง ควรรับประทานในปริมาณที่ 20-60 มิลลิกรัมต่อวันสารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอย สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ได้ดี ขนาดรับประทานที่แนะนำอยู่ที่ 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวันไลโคพิน (Lycopene) พบมากในผักและผลไม้บางชนิด เช่น แอพรีคอต เกรฟฟรุ๊ต แตงกวา มะเขือเทศ และแตงโม มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ และชะลอความชราสูงกว่าเบตาแคโรทีนถึง 2 เท่าและให้สารอาหารได้มากกว่ากว่าวิตามินอีถึง 1000 เท่าน้ำมันสกัดจากดอกอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose Oil) ป้องกันการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิวหนัง ให้ผิวคงความชุ่มชื่น สดใส เปล่งปลั่ง ปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้ดูนุ่มขึ้น ลดริ้วรอยและความหมองคล้ำของผิวพรรณ ลดการเกิดสิวอุดตัน ตลอดจนช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น ผิวหนังแห้ง รวมถึงอาการผมร่วง มีรังแค และเล็บเปราะได้ อาจเกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น อาการคลื่นไส้ ท้องอืดเฟ้อ ปวดศีรษะ อาการผื่นแพ้ และอาการลมชักกำเริบ ฯลฯ จึงควรรับประทานผลิตภัณฑ์พร้อมๆ กับการรับประทานอาหารเพราะสามารถลดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้บริเวอร์ยีสต์ (Brewer's Yeast) อุดมไปด้วย Biotin หรือวิตามิน B ชนิดหนึ่งซึ่งช่วยให้เล็บที่เปราะแข็งแรงขึ้น และช่วยบำรุงสุขภาพผม และยังมีสรรพคุณในเรื่องการรักษาสิวได้ผลดี รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการชะลอความชรา ขนาดรับประทานที่แนะนำอยู่ที่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน บริเวอร์มีผลต่อตัวยาอื่น การใช้จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน โรคเก๊าท์หรือมีระบบภูมิคุ้มกันเสียหายอย่างรุนแรงควรหลีกเลี่ยง ทั้งนี้ บริเวอร์ยีสต์ยังมีผลข้างเคียงกับผู้ที่ร่างกายแพ้ต่อการสัมผัสได้ง่าย คืออาจก่อให้เกิดอาการไมเกรน ปวดหัว บางครั้งอาจมีอาการผื่นคัน อาการบวมน้ำ หรือเป็นหัดได้ การใช้ครั้งแรกอาจก่อให้เกิดแก๊สในลำไส้ ดังนั้นจึงควรเริ่มใช้แต่น้อยก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่แนะนำ หากมีอาการคลื่นเหียนอาเจียน ควรหยุดใช้ทันทีและรีบปรึกษาแพทย์ สารสกัดเหล่านี้มีทั้งในรูปของสารสกัดบริสุทธิ์และรูปของอาหารเสริมที่มีจุด มุ่งหมายเฉพาะด้าน เช่น เพื่อให้ผิวขาว ลดกระและฝ้า ลดริ้วรอยหรือให้ผิวพรรณผ่องใส ซึ่งบนฉลากผลิตภัณฑ์ไม่สามารถบอกสรรพคุณนั้น ๆ ได้ เพราะกฎหมายกำหนดไว้ สังเกตได้จากกล่องอาหารเสริมทุกกล่อง จะระบุว่า "การได้รับปริมาณอาหารที่จำเป็นนั้น ควรได้รับจากสารอาหารให้ครบ 5 หมู่" เพราะอาหารเสริมไม่ใช่สิ่งจำเป็น ก่อนตัดสินใจเลือกใช้อาหารเสริมชนิดใด ควรรู้ความต้องการของตนเองเสียก่อน เพื่อจะได้พิจารณาสารที่เป็นส่วนประกอบในอาหารเสริมได้อย่างเหมาะสมหลายคน เข้าใจว่า ยิ่งมีสารมากตัวเท่าไหร่ยิ่งดี ประสิทธิภาพยิ่งสูง ทั้ง ๆ ที่บางครั้ง เราไม่ได้จำเป็นต้องใช้สารตัวนั้นเลย แถมยิ่งมีสารมากตัว ราคาก็ย่อมมากขึ้นด้วย ที่สำคัญ ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์จะระบุปริมาณของสารแต่ละชนิดที่ผสมอยู่ การมีปริมาณสารที่มากหรือน้อยเกินไป ย่อมเกิดผลเสียทั้งนั้น ถ้าคุณต้องการเลือกบริโภคอาหารตามธรรมชาติเพื่อให้ได้รับสารเหล่านั้นแทนการ กินในรูปอาหารเสริม ก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องรับประทานในปริมาณที่มากกว่าเพราะตัวสารสกัดนั้นได้ดึงเอาเฉพาะ สารที่ต้องการเพื่อความสะดวกเป็นสำคัญ แต่มีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย เพราะในกรรมวิธีการสกัดเอาสารนั้นๆ ออกมา จำเป็นต้องใช้ตัวทำละลาย ซึ่งหากผู้ผลิตไม่มีความชำนาญเพียงพอ อาจพบปัญหาการตกค้างของตัวทำละลายที่ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากบริษัทผู้ผลิตที่ต้องมีความ น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ อีกทั้งต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน พิจารณาเลือกซื้อ เพราะอาหารเสริมบางตัวอาจมีผลหักล้างกัน เช่น หากเรารับประทานไคโตซานเพื่อดักจับไขมันในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วน แต่ต้องการน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสออยส์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว เจ้าไคโตซานก็จะดักจับน้ำมันอีฟนิ่งไว้เพราะถือเป็นไขมันชนิดหนึ่ง หรืออย่างผลิตภัณฑ์บางชนิดที่อาจมีผลข้างเคียง เช่น คอนลาเจนที่จะทำให้ร่างกายบวมน้ำ คนที่ท้วมจึงไม่ควรรับประทานเพราะจะยิ่งทำให้ดูน้ำหนักมากขึ้นไปอีก สิ่งที่ต้องพึงปฏิบัติคือการปฏิบัติตามคำเตือนบนฉลาก โดยเฉพาะวิธีใช้ ซึ่งเราควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้อาหารเสริมมีประสิทธิภาพได้อย่างที่ควรจะเป็น ธรรมชาติของอาหารเสริมทุกชนิดที่ควรเข้าใจให้ถูกต้องคือ เมื่อเรารับประทานอาหารเสริมชนิดนั้น ๆ ไปได้สักประมาณ 2 เดือน ควรหยุดประมาณครึ่งถึงหนึ่งเดือนเพื่อให้ร่างกายได้กำจัดส่วนเกินออกไป โดยอาจจะรับประทานวันเว้นวันเพื่อไม่ให้ร่างกายต้องปรับมากเกินไป จากนั้นจึงกลับไปใช้ใหม่ในปริมาณเท่าเดิม การแพ้อาหารเสริม ข้อสังเกตง่าย ๆ ที่บ่งว่าเกิดอาการแพ้คือ ขึ้นผื่น มีอาการบวม หรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น หากเกิดอาการเหล่านี้ อันดับแรกให้กลับมายังร้านที่ซื้อผลิตภัณฑ์ เพื่อสอบถามว่ามีคนเกิดอาการเหมือนเราไหมเพราะถ้ามีเป็นจำนวนมาก ก็น่าจะแสดงว่าเป็นเรื่องของผลข้างเคียงมากกว่าอาการแพ้ แต่ส่วนใหญ่ อาการแพ้อาหารเสริมมักไม่ค่อยรุนแรง เพียงแค่หยุดรับประทานอาการก็จะหายไป

แสงแดดทำให้ผิวแก่เร็ว



บ้านเราเป็นประเทศที่จัดว่ามีอากาศร้อนที่สุดก็ได้ โดยเฉพาะในฤดูร้อนจะมีความร้อน 38 - 42 องศา ในบางที่ แม้แต่ในกรุงเทพฯ ที่มีตึกสูง ๆ ก็ยังปาเข้าไป 36 องศา ในเวลากลางวันเลย ความที่เราเคยชินกับอากาศร้อน และแสงแดดที่ร้อนแรงก็เลยไม่ค่อยรู้สึกเท่าไรว่าแสงแดดอันแรงนี้เป็นตัวที่ทำให้เราแก่เร็ว ผิวพรรณจะเกิดริ้วรอยเร็วกว่าวัยอันสมควร บางคนอายุยังไม่ถึง 30 ปีเลย มีริ้วรอยที่หางตาเสียแล้ว เพราะเจ้าตัวคิดว่าถึงวัยที่จะเกิดริ้วรอยแล้วมั้ง แต่บางคนถึงอายุจะเลข 4 ขึ้นไปแล้วก็ยังดูเหมือนอายุแค่ 20 ปีกว่าด้วยซ้ำไป เพราะเธอรู้จักดูแลผิวพรรณ และดูแลบำรุงร่างกายอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่การบำรุงผิว อาหารการกิน หรือวิถีชีวิต และสุขภาพจิต แสงแดดนั้นนอกจากทำให้ผิวเกิดริ้วรอยย่นก่อนวัยแล้วยังทำให้เกิดสิว ฝ้าและตกกระได้ ถ้าเราต้องถูกแดดทุกวันอย่างจังจะมากหรือน้อยก็ตาม พอสะสมมากเข้าผิวก็จะแห้ง เพราะความชุ่มชื่นถูกระเหยไป ถ้าไม่มีการเติมเพื่อทดแทนผิวก็จะแห้งลงๆ ทำให้ร่องผิวลึกกลายเป็นริ้วรอยย่น โดยเฉพาะหางตาและมุมปาก ความจริงนั้นแสงแดดเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์ให้ทั้งความอบอุ่น และแสงสว่างที่จะขาดเสียมิได้ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร อย่างเช่น ชาวไร่ ชาวนาที่ปลูกพืชผักและผลไม้ ถ้าไม่มีแดดก็ไม่มีการเจริญเติบโตขึ้นทำให้เรามีทั้งผักและผลไม้อร่อยๆ ตามฤดูกาลให้เราได้รับประทานได้ ถ้ามากไปผลไม้ก็จะสุกเร็ว แต่ถ้าน้อยไปก็จะโตช้า เป็นต้น แสงแดดจึงมีทั้งคุณและโทษถ้ามากเกินไป โดยเฉพาะถ้าเราถูกแดดนานเกินไป แม้แต่เส้นผมยังแดงกรอบได้เลยและน้ำหน้าอะไรกับผิวล่ะซึ่งบอบบางกว่าแยะ ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า หรือผิวกาย ผิวกายยังพอปกปิดได้ด้วยเสื้อผ้า แต่ผิวหน้าซินอกจากใส่หมวกหรือทากันแดดก็อาจช่วยได้ระยะหนึ่ง แต่ถ้าทั้งทากันแดดและใส่หมวก หรือถือร่มเป็นการป้องกัน 2 ชั้นก็ยิ่งดี เพียงแต่ว่าคนไทยไม่นิยม เท่านั้น ส่วนการป้องกันฝ้าแดด หรือผิวดำคล้ำนั้นจำเป็นมาก ถ้าไม่ป้องกันปล่อยไว้เข้าเนื้อลึกเข้าไปจะทำให้ขาวขึ้นนั้นจะต้องใช้เวลานานทีเดียว ถ้ายิ่งเป็นฝ้าละก็ลองเป็นแล้วจะหายยากมากทีเดียว ถ้าไม่อยากให้เป็นฝ้า หรือเป็นมากขึ้น เราจะต้องทากันแดดทุกวัน เวลาออกจากบ้านหรือแม้แต่ไอแดดก็ยังทำให้เป็นฝ้าได้เลย จึงควรทากันแดดชนิดเข้มข้นหน่อย หรือทา 2 ครั้ง คือ พอเลอะเลือนแล้วก็ต้องออกจากบ้านอีกในเวลาที่มีแดดแรง ก็ควรเติมกันแดดอีกครั้งเพื่อแดดจะได้ไม่ทะลุถึงใต้ผิว เพราะมีกันแดดป้องกันชั้นหนึ่งแล้ว ถ้าแสงแดดส่องถึงผิวโดยตรงแล้วจะไปทำลายเซลล์ใต้ผิวได้ ถ้าเซลล์ถูกทำลายแล้วจะทำให้ภูมิคุ้มกันตก ถ้าเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงละก็จะปรับตัวได้เร็ว แต่ถ้าเป็นคนที่มีสุขภาพไม่แข็งแรง ผิวจะถูกทำลายได้ง่าย พอถูกแดดก็จะมีอาการแพ้หน้าแดงตอนถูกใหม่ๆ หลังจากนั้นพอ เข้าที่ร่มอาการแดงหายแล้วก็จะเหลือ ง และดำคล้ำทันที ความจริงแสงแดดนี้มีประโยชน์อีกอย่าง คือ สามารถฆ่าเชื้อได้ด้วย เสื้อผ้าที่ซักแล้วจึงควรเอาไปจากแดดเป็นการฆ่าเชื้อโรคไปในตัว และทำให้ไม่เหม็นอับด้วยแสงแดดนอกจากทำให้เป็นฝ้าตกกระแล้ว ยังทำให้เกิดริ้วรอยย่นตามร่องผิว ทำให้ผิวหยาบกร้านได้ และผิวจะขุ่นมัวถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล หรือป้องกันทำให้ผิวแก่เร็ว ถ้ายิ่งไม่ได้พักผ่อน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอก็ยิ่งแล้วใหญ่เลย จะทำให้ดูแก่ถนัดทีเดียว วิธีการดูแลป้องกัน 1.พยายามหลีกเลี่ยงการถูกแดด โดยตรงในเวลากลางวัน ถ้าจำเป็นต้องโดนแดดอย่างจังก็ควรทาโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF ไม่ต่ำกว่า 50 ขึ้นไป แล้วค่อยแต่งหน้าทาแป้ง ถ้าไม่อยากให้แขนถูกแดดเป็นรอย หรือเป็นฝ้าก็ควรใส่แขนยาวแต่ถ้าอยากใส่สั้นก็ควรทากันแดดตามแขนด้วยจะช่วยป้องกันไม่ให้คำคล้ำได้ เวลาทาตรงลำคอก็ควรทาด้วยเพราะเวลาใส่เสื้อคอกว้างจะได้ไม่ดูด่างๆ และไม่สมดุลกับสีผิวบนใบหน้าจะดูไม่สวยหลังจากทากันแดดแล้วค่อยทาแป้งทับอีกที กันแดดมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ชนิดเป็นแป้งน้ำ เหมาะสำหรับคนผิวมัน ผิวธรรมดา ชนิดครีม เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง ชนิดแท่ง เหมาสำหรับแต้มเป็นที่ หลังจากทาทั่วใบหน้าแล้ว ต้องการเน้นบางจุด และใช้ได้ทุกสภาพผิว สำหรับคนที่ต้องแต่งหน้าเป็นประจำทุกวันให้ใช้ชนิดครีมทาก่อนทารองพื้น แล้วค่อยทาแป้งทับอีกที คนที่ทาแป้งโดยไม่ทารองพื้นควรใช้ชนิดแป้งน้ำ เพราะมีแป้งผสมอยู่เขย่าขวดทุกครั้งที่ใช้แล้วแต้มตามใบหน้า และเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า แล้วค่อยทาทับแป้งอีกทีก็พอ ส่วนชนิดแท่งนั้น มีทั้งครีมเป็นแท่ง หรือมีแป้งผสมเป็นแท่ง ถ้าเป็นครีมทั้งแท่งก็ใช้แบบเดียวกันกับชนิดครีม แต่ถ้าเป็นชนิดครีมผสมแป้ง หลังทาแล้วต้องเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า แล้วค่อยทาแป้งฝุ่นทับอีกทีก็พอ วิธีการทำความสะอาดครีม หรือโลชั่นกันแดด การทำความสะอาดครีม หรือโลชั่นกันแดด ก่อนนอนเป็นสิ่งจำเป็น และสำคัญยิ่ง ไม่ควรตกค้างอยู่บนใบหน้า เพราะสารที่ตกค้างอยู่บนใบหน้าจะทำลายผิวทำให้ผิวแห้งและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ไม่ว่าใช้ชนิดใดก็ตาม ก่อนนอนควรล้างด้วย ครีมทำความสะอาดผิว (CLEANSINGCREAM) ออกให้หมด รวมทั้งคราบเมคอัพด้วย หลังจากนั้นค่อยใช้โฟม หรือสบู่ล้างออกให้สะอาดอีกทีเพื่อรองรับอาหารผิวที่จะให้ตอนก่อนนอน โดยการทาครีมบำรุง หรือโลชั่นบำรุงก่อนนอนทุกคืนตามสภาพผิวของแต่ละคน ผิวจะได้สดใสไม่หมองคล้ำ ผิวก็จะไม่แก่เร็ว ควรใช้ครีมบำรุงที่ทำให้ผิวขาวหลังถูกแดด

หลากหลายวิธีช่วยให้ผิวดูดี



ในบรรดาผิวหนังด้วยกัน ผิวหน้าถือเป็นสิ่งที่ผู้หญิงเราหวงแหนที่สุด และยังบอบบางกว่าผิวหนังบริเวณอื่นด้วย แม้เราจะอยากหยุดเวลาไว้เพียงใด แต่ใบหน้าก็คอยแต่จะโรยราไปตามวัยที่ล่วงเลย จากที่เคยสดใสเปล่งปลั่ง ก็กลับหมองคล้ำ เหี่ยวย่น ขาดความชุ่มชื้น และเต็มไปด้วยริ้วรอย ดังนั้นการเริ่มต้นดูแลผิวหน้าตั้งแต่วันนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญสารพัดวิธี To Be a Younger Face สาว ๆ หลายคนคงอยากหน้าใส แต่หนักใจที่จะต้องทุ่มเทเงินทองซื้อเครื่องประทินผิวราคาเรือนพัน เรือนหมื่น อย่าเพิ่งท้อใจไป วันนี้เรามีหลากหลายวิธีที่ช่วยให้ผิวหน้าดูดีขึ้นได้โดยที่คุณไม่ต้องจ่ายแพงมากขนาดนั้น และยังเป็นวิธีธรรมชาติช่วยหลีกเลี่ยงการเผชิญสารเคมี ที่สำคัญคุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองค่ะ Facial Acupressure ศาสตร์อายุรเวทของอินเดียเชื่อว่าการกดจุดบนใบหน้ามีส่วนช่วยเสริมสร้างความงามบนใบหน้าได้ เพราะการกดจุดเป็นการไปกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่างๆที่เชื่อมโยงกับจุดนั้น ๆ ให้ดีขึ้น รวมทั้งยังช่วยล้างพิษที่สะสมออกไปอีกด้วย หากทำเป็นประจำหลังตื่นนอนตอนเช้า เชื่อกันว่าจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดช่วยให้ผิวหน้าสดใส ไม่หมองคล้ำ สำหรับจุดต่าง ๆ มีดังนี้ จุดที่ 1 บริเวณขมับติดกับกระบอกตาทั้งสองข้าง ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณรอบดวงตา ทำให้นัยน์ตาสดใส วิธีกดใช้นิ้วกดในลักษณะนวดวนเป็นวงกลมเข้าไปพร้อมออกแรงกด จากนั้นวนออกพร้อมผ่อนแรงกด จุดที่ 2 บริเวณกลางหน้าผาก ช่วยให้อารมณ์สงบและมีสมาธิมากขึ้น วิธีกดใช้นิ้วกดลึกเข้าไป(ไม่ต้องวนนิ้ว) แล้วผ่อนแรงกด จุดที่ 3 บริเวณใต้หัวคิ้ว ช่วยบรรเทาอาการไซนัสได้ โดยจะใช้นิ้วโป้งซ้อนใต้หัวคิ้วแล้วกดนิ้วขึ้นไป แล้วผ่อนแรงกด จุดที่ 4 บริเวณกระดูกแก้มใต้ดวงตา จุดนี้เชื่อมกับกระเพาะอาหาร ช่วยเพิ่มพลังบริเวณช่องท้องได้ วิธีกดเหมือนจุดที่ 2 จุดที่ 5 บริเวณคาง ช่วยบรรเทาอาการท้องผูกหรือขับถ่ายไม่เป็นปรกติได้ โดยใช้วิธีบีบให้ทั่วบริเวณคาง จุดที่ 6 บริเวณใต้คางไปจนถึงกราม วิธีกดใช้ท้องนิ้วของนิ้วโป้งรูดบริเวณใต้คางขึ้นไปจนถึงกราม จะช่วยลดอาการปวดหัวหรือไมเกรนได้ จุดที่ 7 บริเวณหลังติ่งหู วิธีกดเหมือนจุดที่ 2 ช่วยให้ระบบการทำงานของลำไส้เล็กดีขึ้น จุดที่ 8 บริเวณใบหู บีบใบหูให้พับติดกัน ช่วยเรื่องการทรงตัวให้เป็นปรกติ ข้อควรระวัง เวลานวดหรือกดที่ผิวหน้านั้น อย่าขยี้หรือกดแรงเกินไป เพราะจะทำให้ผิวช้ำและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ อีกวิธีที่ช่วยเพิ่มพลังและความสดชื่น คือการใช้บริเวณท้องนิ้วมือทั้งสี่ถูเร็ว ๆ แบบเบา ๆ ที่ใบหู จนรู้สึกอุ่น และใช้นิ้วมือทั้งสิบนวดที่หนังศีรษะจนทั่ว เพียงเท่านี้คุณก็จะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และยังช่วยให้ผิวหน้ามีสุขภาพดีขึ้นด้วย Facial Massage การนวดหน้า ช่วยผ่อนกล้ามเนื้อใบหน้าที่ตึงเครียดให้คลายลง และยังกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณใต้ชั้นผิวหน้าให้ดีขึ้น ซึ่งทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งสดใส หากนวดเป็นประจำสามารถลดและป้องกันริ้วรอยที่ก่อตัวบนใบหน้าได้ วิธีนวดหน้าอย่างง่าย ๆ มีดังนี้ ขั้นที่ 1 ล้างหน้าและมือให้สะอาด เช็ดให้แห้ง จากนั้นถูผ่ามือทั้งสองข้างด้วยกันแบบเร็ว ๆ แล้วนำมาปิดที่ใบหน้า คุณจะรู้สึกอุ่นที่ผิวเป็นการวอร์มผิวก่อนนวด ขั้นที่ 2 หยดครีมบำรุงหรือน้ำมันสำหรับนวดหน้า(คนละชนิดกับน้ำมันนวดตัว)ลงบนผิว เกลี่ยให้ทั่วใบหน้าโดยใช้ท้องนิ้วของนิ้วกลางและนิ้วนาง ซึ่งเป็นนิ้วที่ไม่มีแรงกดมากจึงไม่ทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอยได้ง่าย ขั้นที่ 3 นวดวนเป็นวงกลม ลงน้ำหนักนิ้วปานกลาง วิธีการวนนิ้ว มือซ้ายให้วนซ้าย มือขวาให้วนขวาไปเรื่อย ๆ พร้อมกันทั้ง 2 มือ เริ่มจากหน้าผากไปจนถึงขมับ จากปลายคางจนถึงติ่งหู และจากร่องจมูกจนถึงใบหู ขั้นที่ 4 ใช้ปลายนิ้วกดเบา ๆ บริเวณแนวคิ้ว จากหัวคิ้วไปไล่ไปเรื่อย ๆ จนถึงหางคิ้ว และจากปีกจมูกเฉียงไปจนถึงมุมปาก Facial Exercise วิธีที่ 1 พูดคำว่า A, E, I, O, U ติดกันโดยทำปากให้โอเวอร์แอคชั่นมากที่สุด 10 ครั้ง วิธีที่ 2 อ้าปากกว้างพร้อมทำตาโต นับ 1 - 3 ในใจ แล้วผ่อนกล้ามเนื้อใบหน้าให้กลับสู่ภาวะปรกติ 10 ครั้ง วิธีที่ 3 ทำปากเหมือนกับอมน้ำไว้ในปากให้มากที่สุด แล้วเลิกคิ้วสูงไปพร้อมกัน นับ 1 - 3 ในใจ แล้วผ่อนกล้ามเนื้อใบหน้าให้กลับสู่ภาวะปรกติ 10 ครั้ง การบริหารใบหน้าอย่างสม่ำเสมอนี้ จะช่วยให้กล้ามเนื้อและผิวหนังกระชับมากขึ้น ป้องกันรอยเหี่ยวย่น และลดความหย่อนยานของผิวหนังได้ Recipes for Facial ผิวพรรณที่เปล่งปลั่งย่อมเกิดมาจากภายใน การรับประทานอาหารที่บำรุงผิวพรรณเป็นพิเศษจึงมีส่วนสำคัญไม่น้อยทีเดียว อาหารที่มีวิตามิน A, C, E ธาตุเหล็ก กำมะถัน และสังกะสี โดยเฉพาะผักและผลไม้สดจะมีสารต้านอนุมูลอิสระหรือสาร Anti - Oxidant อยู่หลายชนิดสารนี้มีคุณสมบัติช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้ นอกจากนี้แล้วยังควรดื่มสะอาดอย่างเพียงพอประมาณ 6 - 8 แก้ว ในแต่ละวัน เพื่อชดเชยน้ำหล่อเลี้ยงผิวที่ระเหยออกไปอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายที่จะลืมไม่ได้นั่นคือการพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกหนีจากความเครียดให้ได้มากที่สุด เพียงเท่านี้หน้าใสสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ก็จะเป็นของคุณ

ดูแลสิวแบบธรมมชาติ


ดูแลสิวแบบธรรมชาติ

เพิ่มกระเทียม กระเทียมทำลายแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดสิว และยังเพิ่มภูมิคุ้มกันของผิวหนังอีกด้วย คุณอาจกินกระเทียมสดหรือกินกระเทียมแบบเม็ดก็ได้ อบไอน้ำ วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่เป็นสิวอักเสบ แต่อาจทำให้สดชื่นและทำให้ผิวสะอาดขึ้นสำหรับผู้ที่เป็นสิวไม่มากนัก ลองใช้ลาเวนเดอร์ร่วมด้วย เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ผิวหนัง วิธีการคือ ใส่ลาเวนเดอร์แห้ง 2-4 ช้อนโต๊ะ ลงในน้ำประมาณ 2 ลิตร ต้มจนเดือนแล้วเอาหน้าอังไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาเป็นเวลา 15 นาที จากนั้นเช็ดใบหน้าด้วยน้ำเย็นแล้วซับให้แห้ง กินอาหารที่มีกรดออกซาลิก (Oxalic Acid) อาหารอย่างเช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มีกรดออกซาลิกที่ช่วยในการรักษาสิว

ความงามในถุงชา


ความงามในถุงชา

ถ้าคุณชอบอ่านส่วนประกอบบนฉลากผลิตภัณฑ์ อาจสังเกตเห็นสารสกัดจากชาปรากฏในส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์หลากหลายยี่ห้อ และคงสงสัยว่าทำไมต้องมีส่วนผสมของชา ชาประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (อนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหลักของเซลล์เสื่อมสภาพก่อนวัย) ชาเขียวโดดเด่นด้านสารต้านอนุมูลอิสระยิ่งกว่าชาจีน จากการศึกษาพบว่า ปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ภายใน 30 นาทีหลังจากดื่มชาจีนอุ่นๆ และสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้จะยิ่งคงประสิทธิภาพไปอีก 50 นาทีก่อนจะเข้าสู่ระดับปกติ จึงเริ่มมีการแนะนำให้ดื่มชาเพื่อหวังผลด้านชะลอภาวะแก่ก่อนวัยของเซลล์ในร่างกาย และใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงเพื่อหวังผลด้านสลายอนุมูลอิสระ คุณเองก็สามารถนำชามาช่วยดูแลผิว ริมฝีปากลอก ใช้ถุงชาที่ยังอุ่นจางๆ จากการแช่น้ำร้อน เช็ดริมฝีปากที่ลอกเป็นขุย ทาลิปสติกแล้วไม่เรียบเนียน ผิวที่เป็นขุยจะหลุดออกอย่างง่ายดาย กำจัดผิวหมอง สูตรนี้คุณอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ เปิดเผยในงานเปิดตัวสบู่สมุนไพร “โพรเทคส์ เฮอร์เปิ้ล” ที่เธอนำมาใช้พอกผิวกายอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง ส่วนผสม ชาเขียว 1 ช้อนชา, กลีบดอกดาวเรือง 1 ช้อนชา, ขมิ้นชัน ½ ช้อนชา, ตะไคร้ ½ ช้อนชา นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำมันงา 2 ช้อนชา ทาพอกผิวทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้ว ค่อยขัดออกเบาๆ ก่อนอาบน้ำ แช่เท้าในน้ำชา วันไหนรู้สึกเดินจนล้าไปทั้งฝ่าเท้า ตักชาเขียว 4 ช้อนโต๊ะหรือจะโยนชาเขียว 5 ซองชงก็ได้ลงในน้ำร้อน ทิ้งไว้ให้ชาละลาย 10 นาที ก่อนแช่เท้าลงในน้ำที่กำลังอุ่น 15 นาที เป็นช่วงที่รู้สึกสบายที่สุด ชาจะทำหน้าที่คล้ายโลชั่นกระชับและทำความสะอาดเท้าพร้อมทั้งระงับกลิ่น (บางคนนอนแช่น้ำชาเพื่อระงับกลิ่นตัว) จากนั้นโยนใบสะระแหน่สุดๆ ลงในน้ำที่แช่เท้า ขยี้ใบสะระแหน่ตามนิ้วเท้า ยกเท้าขึ้นจากน้ำแล้วห่อด้วยผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ (ที่คุณใช้ไดร์ร้อนเป่าไว้) คืนนั้นคุณจะหลักสบายปลอบผิวแดดเผา ผิวตากแดดนานๆ รู้สึกผิวร้อนผ่าว อย่าเพิ่งลงครีมบำรุงผิวเนื้อข้นๆ ขณะนั้นผิวต้องการระบายความร้อนที่ได้รับออก ครีมบำรุงจะไปปิดผิวไม่ให้ความร้อนในเซลล์ระบายออก ไม่ต่างอะไรกับอบผิวในเตาอบ ผสมข้าวโอ๊ตบด 1 ถ้วยลงในน้ำชาเขียวร้อนๆ 1 ถ้วย กับแตงกวาสับละเอียด (ส่วนผสมจะช่วยระงับอาการแดงและอักเสบ) เติมน้ำผึ้งลง 4 ช้อนโต๊ะเพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นแช่ส่วนผสมดังกล่าวในตู้เย็น 1 ชั่วโมง ก่อนนำมาทาผิวที่ถูกแดดเผา คลุมด้วยผ้าชุบน้ำเย็นๆ 10 นาทีแล้วล้างออก

แก้ปัญหาหัวเข่าด้าน


แก้ปัญหาหัวเข่าด้าน

ผิวหนังบริเวณหัวเข่า มีต่อมน้ำมันอยู่น้อยมาก จึงเกิดอาการแห้งได้ง่าย และถ้าคุณต้องคุกเข่าทำอะไรเป็นประจำด้วยแล้วล่ะก็ ผิวบริเวณหัวเข่า ก็จะยิ่งหยาบกร้านมากขึ้นจนดูน่าเกลียด เกินกว่าจะใส่กางเกงขาสั้นหรือกระโปรงโชว์หัวเข่าได้ โชคดีที่เรายังพอมีวิธีง่ายๆ ในการฟื้นฟูผิวบริเวณหัวเข่าให้กลับมาดูเนียนนุ่มขึ้นได้ โดยผสมน้ำมันทาตัว (หรือจะใช้น้ำมันมะกอกก็ได้) ครึ่งถ้วย กับน้ำตาลทราย 4–5 ช้อนโต๊ะ ทำผิวให้เปียกน้ำ หรือจะอาบน้ำไปเลยก็ได้ จากนั้น ก็ใช้น้ำตาลขัดผิวที่ผสมไว้นั้น นวดลงบนผิวบริเวณหัวเข่าเป็นแนววงกลม น้ำตาลจะช่วยลอกสะเก็ดผิวแห้งๆ ออก ในขณะที่น้ำมันจะช่วยทำให้ผิวนุ่มขึ้น จากนั้น ก็ล้างออกด้วยเจลอาบน้ำ เมื่อเช็ดผิวให้แห้งแล้วก็อย่างลืมทาครีมชนิดเข้มข้นตามลงไปทันที ถ้าคุณทำแบบนี้สัปดาห์ละครั้ง คุณก็น่าจะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นภายในหนึ่งเดือน

เติมความสดชื่นด้วยแตงกวา


เติมความสดชื่นด้วยแตงกวา

แตงกวามีคุณสมบัติเป็นแอสตริงเจนต์อ่อน ๆ ที่ทำให้ผิวเย็นลง จึงดีเป็นพิเศษกับผิวอักเสบ เป็นผื่นแดง หรือไหม้แดด ลองใช้มาส์กแตงกวาซึ่งผสมผสานคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวของแตงกวา คาโมมายล์ และชาเขียวเข้าด้วยกัน วิธีการ คือ... ปอกเปลือกแตงกวาลูกเล็ก ๆ หนึ่งลูก เอาใส่เครื่องปั่นจนเป็นเนื้อเนียนนุ่ม กรองเอาแต่น้ำเก็บเอาไว้ จากนั้น เอาน้ำชาเขียวและชาคาโมมายล์อย่างละสองออนซ์กับเจลาตินหนึ่งห่อ ตั้งไฟอ่อนๆ จนเจลาตินละลาย เติมน้ำแตงกวาลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี แล้วเทใส่ภาชนะแก้วเก็บไว้ในตู้เย็นราว 25 นาที จนเริ่มเป็นส่วนผสมข้นๆ นำเอาส่วนผสมนี้มาทาให้ทั่วหน้า ปล่อยให้แห้ง 20 นาที ลอกมาสก์ออก แล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ซับให้แห้ง

บริหารหน้า... ห่างไกลริ้วรอย (Health & Cuisine)


บริหารหน้า... ห่างไกลริ้วรอย (Health & Cuisine) อาจารย์สิริพรรณ ศิวะสกุลราช อาจารย์คณะกายภาพบำบัดและวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวประยุกต์ มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้แจงถึงสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัยว่ามาจาก 2 ประการ คือ ผิวหนังเสื่อมลง ความยืดหยุ่นลดลงเนื่องจากอายุมากขึ้น ควรใช้ครีมบำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื่นและยืดหยุ่นดีขึ้น กล้ามเนื้อแสดงอารมณ์เดิมบ่อย ๆ เช่น ยิ้มนานเกินไป ขมวดคิ้วนานเกินไป ทำให้เกิดริ้วรอยบนผิวหนังที่เป็นจุดเกาะของกล้ามเนื้อมัดที่ทำงานหนัก การนวดหน้าให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และการออกกำลังกล้ามเนื้อหน้าให้แข็งแรง จะช่วยให้ผิวหนังกระชับไม่หย่อนคล้อย2 วิธี 3 ขั้นตอนดูแลกล้ามเนื้อใบหน้า การดูแลกล้ามเนื้อหน้ามี 2 วิธี คือ การออกกำลังหน้า ให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ทำงานเต็มที่ กล้ามเนื้อหน้าที่แข็งแรงและทนทานจะทำให้ผิวหน้ากระชับมากขึ้น อีกวิธีหนึ่งคือ ยืดกล้ามเนื้อหน้า เป็นการผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อหน้า การดูแลกล้ามเนื้อหน้ามี 3 ขั้นตอนคือ เริ่มจากยืดกล้ามเนื้อตามด้วยออกกำลังหน้าและยืดกล้ามเนื้ออีกครั้ง ควรทำ 2 เวลา ทั้งเช้าและเย็น วิธีนี้สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย ไม่มีอันตรายใดๆ เพราะกล้ามเนื้อบนหน้าเป็นมัดเล็กมากไม่มีผลกระทบกับหัวใจหรือระบบหายใจแต่อย่างใด หลักการ 1. การยืดกล้ามเนื้อหน้าใช้นิ้วกลางกดที่จุดหนึ่งแล้วใช้นิ้วชี้เลื่อนไปมาตามแนวกล้ามเนื้อหน้า เพราะทั้ง 2 นิ้วมีแรงเหมาะสมกับการนวดหน้า การกดด้วยนิ้วกลางเพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อที่กำลังยืดนั้นถูกดึงไปตามการเลื่อนมือของนิ้วชี้ ทำให้การยืดมีประสิทธิภาพดี ที่สำคัญผิวหน้ามีไขมันน้อยมากเมื่อเทียบกับส่วนอื่นของร่างหน้าและเกาะกับกล้ามเนื้อดี จึงไม่จำเป็นต้องกดหน้าแรงเพราะจะช้ำง่าย 2. การออกกำลังหน้า ให้ออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อบนใบหน้าอย่างเต็มที่เทคนิคการบริหารหน้า กล้ามเนื้อที่บริหาร : หน้าผาก วิธียืดกล้ามเนื้อ (ทำซ้ำท่าละ 3-10 ครั้ง) : นิ้วกลางกดโคนผม นิ้วชี้รูดลงถึงคิ้ว วิธีออกกำลังกล้ามเนื้อ (เกร็งค้างไว้นาน นับ 1 ถึง10) : เลิกหน้าผาก กล้ามเนื้อที่บริหาร : ระหว่างคิ้ว วิธียืดกล้ามเนื้อ (ทำซ้ำท่าละ 3-10 ครั้ง) : นิ้วกลางกดหัวคิ้ว นิ้วชี้เลื่อนจากหัวถึงปลายคิ้ว (ทำทั้ง 2 ข้าง) วิธีออกกำลังกล้ามเนื้อ (เกร็งค้างไว้นาน นับ 1 ถึง10) : ขมวดคิ้ว กล้ามเนื้อที่บริหาร : ตา วิธียืดกล้ามเนื้อ (ทำซ้ำท่าละ 3-10 ครั้ง) : นิ้วกลางกดหัวตา นิ้วชี้เลื่อนจากหัวตาไปหางตาทั้งบนและล่าง (ทำทั้ง 2 ข้าง) วิธีออกกำลังกล้ามเนื้อ (เกร็งค้างไว้นาน นับ 1 ถึง10) : หลับตาปี๋ กล้ามเนื้อที่บริหาร : จมูก วิธียืดกล้ามเนื้อ (ทำซ้ำท่าละ 3-10 ครั้ง) : ใช้นิ้วชี้รูดจากดั้งจมูกลงมาถึงโหนกแก้ม (ทำทั้ง 2 ข้าง) วิธีออกกำลังกล้ามเนื้อ (เกร็งค้างไว้นาน นับ 1 ถึง10) : ย่นจมูก , ทำจมูกบาน กล้ามเนื้อที่บริหาร : ปาก วิธียืดกล้ามเนื้อ (ทำซ้ำท่าละ 3-10 ครั้ง) : ใช้นิ้วกลางซ้ายกดมุมปากซ้ายไว้ แล้วใช้นิ้วชี้ของมือขวาเลื่อนเหนือริมฝีปากจากซ้ายไปขวา เลื่อนลงด้านล่างจนจรดที่เดิม (เป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา)วิธีออกกำลังกล้ามเนื้อ (เกร็งค้างไว้นาน นับ 1 ถึง10 ) : ปากจู๋ , ยิ้มปิดปากกว้าง, ยิ้มยกมุมปาก, ยิ้มแบะลง , ยิ้มแยกเขี้ยว กล้ามเนื้อที่บริหาร : แก้ม (กล้ามเนื้อแก้มอยู่ลึกยืดไม่ได้ จึงยืดกล้ามเนื้อรอบๆ แทน) วิธียืดกล้ามเนื้อ (ทำซ้ำท่าละ 3-10 ครั้ง) : นิ้วกลางกดมุมปาก นิ้วชี้เลื่อนจากมุมปากขึ้นไปถึงโหนกแก้ม (ทำทั้ง 2 ข้าง) วิธีออกกำลังกล้ามเนื้อ (เกร็งค้างไว้นาน นับ 1 ถึง10) : ทำแก้มป่อง , แก้มบุ๋มปรับพฤติกรรมตั้งรับอารมณ์ เมื่อดูแลกล้ามเนื้อใบหน้าแล้วต้องไม่ลืมดูแลอารมณ์ให้คงที่ด้วย พยายามอย่าแสดงอารมณ์มากเกินไปโดยไม่จำเป็น เมื่อเจอเหตุการณ์ต่างๆ ควรเปลี่ยนจากการแสดงสีหน้ามาใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายแทน ตัวอย่างเช่น เมื่อมีคนเรียกขณะก้มหน้าเขียนหนังสืออยู่ก็ให้หันทั้งหน้าไปมอง ไม่ใช่เพียงเลิกคิ้วขึ้นมามอง เมื่อสงสัยไม่ทำหน้าขมวดคิ้วแต่ให้ยกมือและถามเลยอย่าเก็บไว้นาน เวลาร้องไห้พยายามหยุดให้เร็วที่สุดเพราะกล้ามเนื้อตาและปากจะทำงานหนัก หมั่นออกกำลังกายแบบแอโรบิคคือออกกำลังกล้ามเนื้อมัดใหญ่ต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาทีเป็นประจำทุกวันทำให้เลือดหมุนเวียนดี เพื่อให้แก้มอมชมพูแบบธรรมชาติ

น้ำในร่างกายกับผิวพรรณ (Health & Cuisine) ผิวหนังของคนเราชั้นบนสุดคือผิวหนังที่ตายแล้ว (ที่คุณถูออกมาเป็นขี้ไคลนั่นไง) ชั้นล่างลงไปคือเซลล์ปกติมีลักษณะยาวรีคล้ายใบไม้เรียงต่อกันเป็นตาข่าย แต่ละเซลล์จะมีน้ำไปหล่อเลี้ยง ซึ่งถ้าได้รับน้ำเพียงพอตัวเขาจะกลม ๆ ป่อง ๆ เมื่อแสงตกกระทบจะดูมีน้ำมีนวล แต่ถ้าขาดน้ำเซลล์จะเล็กฟีบ ดูเหี่ยวแห้ง ไม่มีชีวิตชีวา รอบ ๆ เซลล์ก็ต้องมีน้ำหล่อลื่น ในชั้นคอลลาเจนก็ต้องการน้ำเพื่อความตึงตัวเช่นกัน บ้านเราอากาศร้อน ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย ฉะนั้นใครต้องการมีผิวพรรณเปล่งปลั่งจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ธรรมชาติกำหนดให้มีชั้นไขมันเคลือบผิวหนังของเราไว้ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ ยิ่งคุณดื่มน้ำน้อยก็ยิ่งต้องรักษาสภาพของชั้นไขมันนี้ไว้ คนผิวมันจึงเป็นคนมีบุญ แต่มักเข้าใจผิดคิดว่าเนื้อตัวสกปรก ใช้สบู่ฟอกกำจัดชั้นมันของผิวหนังออกหมด จนกลายเป็นคนผิวมันที่ขาดความชุ่มชื้นไป ส่วนคนผิวแห้ง คือ คนที่ร่างกายสร้างชั้นไขมันไม่พอ จึงควรใช้น้ำมันจากภายนอกทาปกป้องไว้เสมอ ไม่เช่นนั้นร่างกายจะฟ้องโดยเริ่มจากปากแห้ง ผิวแห้ง โดยเฉพาะตามแขน ขา หน้าแข้งซึ่งมีไขมันใต้ผิวหนังหล่อเลี้ยงน้อย คนที่ไม่ชอบดื่มน้ำจึงดูไม่สดใส สำหรับครีมบำรุงผิวที่มีมากมายหลายยี่ห้อนั้นต่างก็มีพื้นฐานเดียวกันคือ มีคุณสมบัติป้องกันการสูญเสียน้ำ เพราะน้ำคือตัวทำ ให้ผิวสวย คนที่ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง เดี๋ยวคันเดี๋ยวแดง พวกนี้ผิวสูญเสียน้ำเยอะ ต้องรีบฟื้นฟู รู้อย่างนี้แล้วพยายามดื่มน้ำให้มากเข้าไว้จะดีที่สุด (ยกเว้นคนเป็นโรคไต หรือโรคที่แพทย์สั่งควบคุมการดื่มน้ำ) เพราะการรับน้ำเข้าสู่ร่างกายมีวิธีเดียวเท่านั้น ส่วนการทำความสะอาดก็เอาแค่พอควร จะได้ไม่เป็นการทำลายชั้นไขมัน และเปิดรูให้น้ำระเหยออก ส่วนเรื่องของการใช้น้ำเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง หรือที่เรียกว่าวอเตอร์เบท มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว จุดประสงค์เราไม่ได้ต้องการน้ำจากเครื่องสำอางหรอกนะคะ แต่คนที่ผิวมันอยู่แล้ว และต้องการให้อาหารผิว จำพวกวิตามินอี วิตามินซี หรือสารแอนตี้ออกซิเดนซ์ต่าง ๆ ก็ควรใช้เครื่องสำอางในรูปวอเตอร์เบท เพื่อให้น้ำเป็นตัวนำอาหารผิวเหล่านั้นเข้าไป เป็นการหลีกเลี่ยงสาเหตุของสิวอุดตันพลังแห่งสายน้ำ เนื่องจากน้ำมีแรงพยุงตัวทำให้น้ำหนักตัวลดลงเหลือเพียง 10-15 % ขณะอยู่ในน้ำ การเคลื่อนไหวของร่างกายจึงทำได้อย่างง่ายดาย สภาพไร้น้ำหนักและแรงกระแทก จึงป้องกันการกระทบกระเทือน การบาดเจ็บของกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ น้ำมีแรงต้านโดยธรรมชาติ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง รูปร่างเพรียวสมส่วน แรงดันของน้ำช่วยให้ความดันโลหิตลดลง และชีพจรเต้นช้าลง การสูบฉีดของหัวใจ และการไหลเวียนโลหิตในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในน้ำระบบระบายความร้อนของร่างกายจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าปกติถึง 25 เท่า เมื่อเทียบกับการระบายความร้อนในอุณภูมิที่เท่ากัน การออกกำลังกายในน้ำจึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัยเพราะมีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีข้อจำกัด เช่น ผู้หญิงท้อง ผู้สูงอายุ ผู้มีปัญหาเรื่องข้อ คนที่มีน้ำหนักเกินพิกัด ส่วนธาราบำบัด หรือ Hydrotherapy เป็นการใช้น้ำร้อน น้ำเย็น และคุณสมบัติอื่น ๆ ของน้ำในการรักษาผู้ป่วยโดยไม่ต้องออกกำลังกาย เช่น การอบไอน้ำเพื่อให้ร่างกายขับของเสียทางเหงื่อ แช่น้ำเพื่อลดการอักเสบของผู้ถูกไฟไหม้ ฯลฯ ซึ่งได้แนวคิดมาจากการนิยมอาบน้ำแร่รักษาโรคปวดข้อ และผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อทุกส่วนของชาวโรมัน ทุกวันนี้มีผู้นำหลักการเหล่านั้นมาใช้ในแง่ของการผ่อนคลายมากขึ้น เพราะเชื่อว่าเมื่อร่างกายผ่อนคลาย สุขภาพดี ย่อมส่งผลต่อจิตใจและความงามด้วยน้ำร้อนหรือน้ำเย็น สำหรับสุขภาพ การแช่น้ำอุ่นเป็นการผ่อนคลายที่ยอดเยี่ยม เลือดไหลเวียนสะดวก แต่ในขณะเดียวกันถ้านานและร้อนเกินไปกลับทำให้ผิวแห้ง (ส่งผลเสียต่อความงาม) รูขุมขนขยาย เส้นเลือดฝอยขยายจนเห็นเป็นรอยแดง อาจก่อให้เกิดฝ้า แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำให้ราดน้ำอุณหภูมิปกติเป็นน้ำสุดท้ายเพื่อปิดรูขุมขนเสมอ ในขณะที่การอาบน้ำเย็นเพื่อสุขภาพ เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่า แต่ถ้าเย็นเกินไปก็ทำให้ผิวแห้งได้อีกเช่นกัน เช่นเดียวกับการดื่มน้ำ...น้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ ส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่ทำให้ตัวเราเย็นมาก โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เสียงมาก ถ้าดื่มน้ำเย็นทำให้เส้นเลือดฝอยยิ่งตีบ กล่องเสียงยิ่งทำงานไม่ดี แต่อุณหภูมิของน้ำที่ดื่มไม่มีผลต่อความงาม ขอเพียงดื่มให้มากและเพียงพอเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการดื่มน้ำเย็นจัดเป็นเทคนิคหนึ่งในการควบคุมอาหารหรือลดความอ้วนอีกด้วย เพราะเมื่อดื่มน้ำเย็นจัด 4-6 องศาเซลเซียล พลังงานที่ร่างกายเราต้องใช้ในการปรับน้ำเย็นให้เป็นน้ำอุณภูมิร่างกายก็เป็นการเผาผลาญแคลอรี่อย่างหนึ่ง