วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552


น้ำในร่างกายกับผิวพรรณ (Health & Cuisine) ผิวหนังของคนเราชั้นบนสุดคือผิวหนังที่ตายแล้ว (ที่คุณถูออกมาเป็นขี้ไคลนั่นไง) ชั้นล่างลงไปคือเซลล์ปกติมีลักษณะยาวรีคล้ายใบไม้เรียงต่อกันเป็นตาข่าย แต่ละเซลล์จะมีน้ำไปหล่อเลี้ยง ซึ่งถ้าได้รับน้ำเพียงพอตัวเขาจะกลม ๆ ป่อง ๆ เมื่อแสงตกกระทบจะดูมีน้ำมีนวล แต่ถ้าขาดน้ำเซลล์จะเล็กฟีบ ดูเหี่ยวแห้ง ไม่มีชีวิตชีวา รอบ ๆ เซลล์ก็ต้องมีน้ำหล่อลื่น ในชั้นคอลลาเจนก็ต้องการน้ำเพื่อความตึงตัวเช่นกัน บ้านเราอากาศร้อน ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่าย ฉะนั้นใครต้องการมีผิวพรรณเปล่งปลั่งจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ธรรมชาติกำหนดให้มีชั้นไขมันเคลือบผิวหนังของเราไว้ เพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ ยิ่งคุณดื่มน้ำน้อยก็ยิ่งต้องรักษาสภาพของชั้นไขมันนี้ไว้ คนผิวมันจึงเป็นคนมีบุญ แต่มักเข้าใจผิดคิดว่าเนื้อตัวสกปรก ใช้สบู่ฟอกกำจัดชั้นมันของผิวหนังออกหมด จนกลายเป็นคนผิวมันที่ขาดความชุ่มชื้นไป ส่วนคนผิวแห้ง คือ คนที่ร่างกายสร้างชั้นไขมันไม่พอ จึงควรใช้น้ำมันจากภายนอกทาปกป้องไว้เสมอ ไม่เช่นนั้นร่างกายจะฟ้องโดยเริ่มจากปากแห้ง ผิวแห้ง โดยเฉพาะตามแขน ขา หน้าแข้งซึ่งมีไขมันใต้ผิวหนังหล่อเลี้ยงน้อย คนที่ไม่ชอบดื่มน้ำจึงดูไม่สดใส สำหรับครีมบำรุงผิวที่มีมากมายหลายยี่ห้อนั้นต่างก็มีพื้นฐานเดียวกันคือ มีคุณสมบัติป้องกันการสูญเสียน้ำ เพราะน้ำคือตัวทำ ให้ผิวสวย คนที่ผิวแพ้ง่าย ระคายเคือง เดี๋ยวคันเดี๋ยวแดง พวกนี้ผิวสูญเสียน้ำเยอะ ต้องรีบฟื้นฟู รู้อย่างนี้แล้วพยายามดื่มน้ำให้มากเข้าไว้จะดีที่สุด (ยกเว้นคนเป็นโรคไต หรือโรคที่แพทย์สั่งควบคุมการดื่มน้ำ) เพราะการรับน้ำเข้าสู่ร่างกายมีวิธีเดียวเท่านั้น ส่วนการทำความสะอาดก็เอาแค่พอควร จะได้ไม่เป็นการทำลายชั้นไขมัน และเปิดรูให้น้ำระเหยออก ส่วนเรื่องของการใช้น้ำเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง หรือที่เรียกว่าวอเตอร์เบท มีมาแต่สมัยโบราณแล้ว จุดประสงค์เราไม่ได้ต้องการน้ำจากเครื่องสำอางหรอกนะคะ แต่คนที่ผิวมันอยู่แล้ว และต้องการให้อาหารผิว จำพวกวิตามินอี วิตามินซี หรือสารแอนตี้ออกซิเดนซ์ต่าง ๆ ก็ควรใช้เครื่องสำอางในรูปวอเตอร์เบท เพื่อให้น้ำเป็นตัวนำอาหารผิวเหล่านั้นเข้าไป เป็นการหลีกเลี่ยงสาเหตุของสิวอุดตันพลังแห่งสายน้ำ เนื่องจากน้ำมีแรงพยุงตัวทำให้น้ำหนักตัวลดลงเหลือเพียง 10-15 % ขณะอยู่ในน้ำ การเคลื่อนไหวของร่างกายจึงทำได้อย่างง่ายดาย สภาพไร้น้ำหนักและแรงกระแทก จึงป้องกันการกระทบกระเทือน การบาดเจ็บของกระดูกและข้อต่อต่าง ๆ น้ำมีแรงต้านโดยธรรมชาติ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง รูปร่างเพรียวสมส่วน แรงดันของน้ำช่วยให้ความดันโลหิตลดลง และชีพจรเต้นช้าลง การสูบฉีดของหัวใจ และการไหลเวียนโลหิตในร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในน้ำระบบระบายความร้อนของร่างกายจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าปกติถึง 25 เท่า เมื่อเทียบกับการระบายความร้อนในอุณภูมิที่เท่ากัน การออกกำลังกายในน้ำจึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัยเพราะมีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีข้อจำกัด เช่น ผู้หญิงท้อง ผู้สูงอายุ ผู้มีปัญหาเรื่องข้อ คนที่มีน้ำหนักเกินพิกัด ส่วนธาราบำบัด หรือ Hydrotherapy เป็นการใช้น้ำร้อน น้ำเย็น และคุณสมบัติอื่น ๆ ของน้ำในการรักษาผู้ป่วยโดยไม่ต้องออกกำลังกาย เช่น การอบไอน้ำเพื่อให้ร่างกายขับของเสียทางเหงื่อ แช่น้ำเพื่อลดการอักเสบของผู้ถูกไฟไหม้ ฯลฯ ซึ่งได้แนวคิดมาจากการนิยมอาบน้ำแร่รักษาโรคปวดข้อ และผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อทุกส่วนของชาวโรมัน ทุกวันนี้มีผู้นำหลักการเหล่านั้นมาใช้ในแง่ของการผ่อนคลายมากขึ้น เพราะเชื่อว่าเมื่อร่างกายผ่อนคลาย สุขภาพดี ย่อมส่งผลต่อจิตใจและความงามด้วยน้ำร้อนหรือน้ำเย็น สำหรับสุขภาพ การแช่น้ำอุ่นเป็นการผ่อนคลายที่ยอดเยี่ยม เลือดไหลเวียนสะดวก แต่ในขณะเดียวกันถ้านานและร้อนเกินไปกลับทำให้ผิวแห้ง (ส่งผลเสียต่อความงาม) รูขุมขนขยาย เส้นเลือดฝอยขยายจนเห็นเป็นรอยแดง อาจก่อให้เกิดฝ้า แพทย์ผิวหนังจึงแนะนำให้ราดน้ำอุณหภูมิปกติเป็นน้ำสุดท้ายเพื่อปิดรูขุมขนเสมอ ในขณะที่การอาบน้ำเย็นเพื่อสุขภาพ เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่า แต่ถ้าเย็นเกินไปก็ทำให้ผิวแห้งได้อีกเช่นกัน เช่นเดียวกับการดื่มน้ำ...น้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ ส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่ทำให้ตัวเราเย็นมาก โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เสียงมาก ถ้าดื่มน้ำเย็นทำให้เส้นเลือดฝอยยิ่งตีบ กล่องเสียงยิ่งทำงานไม่ดี แต่อุณหภูมิของน้ำที่ดื่มไม่มีผลต่อความงาม ขอเพียงดื่มให้มากและเพียงพอเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการดื่มน้ำเย็นจัดเป็นเทคนิคหนึ่งในการควบคุมอาหารหรือลดความอ้วนอีกด้วย เพราะเมื่อดื่มน้ำเย็นจัด 4-6 องศาเซลเซียล พลังงานที่ร่างกายเราต้องใช้ในการปรับน้ำเย็นให้เป็นน้ำอุณภูมิร่างกายก็เป็นการเผาผลาญแคลอรี่อย่างหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น