วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

อาหารเสริมสวย



ในอดีต เราคงคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพจำพวกวิตามินต่างๆ น้ำมันปลา หรือสารสกัดจากธรรมชาติอื่น ๆ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แต่ในปัจจุบัน อาหารเสริมได้เกิดขึ้นเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาความงามในจุดต่าง ๆ เช่น ฝ้า กระ ปัญหาสีผิว ริ้วรอยหรือจุดด่างดำ ฯลฯ ด้วยการสังเคราะห์สารเคมีหรือนำสารสกัดจากธรรมชาติที่เชื่อว่ามีผลในทางบวก ต่อปัญหานั้นๆ มาอยู่ในรูปของอาหารเสริม สารส่วนใหญ่ที่ผสมอยู่ในอาหารเสริมแต่ละชนิดมักจะคล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกัน อาจแตกต่างกันบ้างด้วยกลไกทางการตลาดและ "เทรนด์" ที่เป็นตัวกำหนดว่า สารไหนมาแรงและเป็นที่นิยมกลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นสารสกัดที่ได้มาจากปลา เนื้อ แอสพารากัส อะโวคาโด และวอลนัท ทำให้สีผิวสม่ำเสมอ จุดด่างดำดูจางลง และทำให้ผิวขาวขึ้น คุณสมบัติของสาร Detoxification ที่มีอยู่จะเปลี่ยนสารพิษต่างๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายและขับถ่ายทิ้ง ช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานของวิตามิน C และ E ให้ดูดซึมได้ดีขึ้น ไม่พบว่ามีผลข้างเคียงใดๆ ต่อผู้ใช้ ขนาดที่ควรรับประทานอยู่ที่ 500-1000 มิลลิกรัมต่อวันโคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) ช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ลดการเกิดริ้วรอย ป้องกันผิวหนังอักเสบจากแสงแดด และช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้เซลล์ผิวทำให้ผิวยืดหยุ่นแข็งแรง พบมากในอาหารทะเล เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ รำข้าว ผลิตภัณฑ์จากถั่ว น้ำมันถั่วเหลือง บรอคโคลี่ เป็นต้น ถูกดูดซึมได้ดีหากรับประทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมัน ปริมาณที่แนะนำคือ 30 มิลลิกรัมต่อวันเปลือกสนสกัด (Pine Bark) ช่วยทำให้ผิวขาว ใส และลดปฏิกิริยาการเพิ่มเม็ดสีของผิวหนังเมื่อถูกแดด รวมทั้งลดขนาดและความเข้มของฝ้าโดยไม่มีผลข้างเคียงกับผิวบริเวณอื่น ไม่มีปฎิกิริยากับยา สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวอื่นๆ ปริมาณที่ควรรับประทานนั้นอยู่ที่ 20-25 มิลลิกรัมต่อวันสารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว และป้องกันผิวจากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต รวมทั้งลดอาการแพ้จากสภาพแวดล้อมและเครื่องสำอาง ควรรับประทานในปริมาณที่ 20-60 มิลลิกรัมต่อวันสารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอย สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ได้ดี ขนาดรับประทานที่แนะนำอยู่ที่ 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวันไลโคพิน (Lycopene) พบมากในผักและผลไม้บางชนิด เช่น แอพรีคอต เกรฟฟรุ๊ต แตงกวา มะเขือเทศ และแตงโม มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ และชะลอความชราสูงกว่าเบตาแคโรทีนถึง 2 เท่าและให้สารอาหารได้มากกว่ากว่าวิตามินอีถึง 1000 เท่าน้ำมันสกัดจากดอกอีฟนิ่งพริมโรส (Evening Primrose Oil) ป้องกันการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิวหนัง ให้ผิวคงความชุ่มชื่น สดใส เปล่งปลั่ง ปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้ดูนุ่มขึ้น ลดริ้วรอยและความหมองคล้ำของผิวพรรณ ลดการเกิดสิวอุดตัน ตลอดจนช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น ผิวหนังแห้ง รวมถึงอาการผมร่วง มีรังแค และเล็บเปราะได้ อาจเกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น อาการคลื่นไส้ ท้องอืดเฟ้อ ปวดศีรษะ อาการผื่นแพ้ และอาการลมชักกำเริบ ฯลฯ จึงควรรับประทานผลิตภัณฑ์พร้อมๆ กับการรับประทานอาหารเพราะสามารถลดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้บริเวอร์ยีสต์ (Brewer's Yeast) อุดมไปด้วย Biotin หรือวิตามิน B ชนิดหนึ่งซึ่งช่วยให้เล็บที่เปราะแข็งแรงขึ้น และช่วยบำรุงสุขภาพผม และยังมีสรรพคุณในเรื่องการรักษาสิวได้ผลดี รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการชะลอความชรา ขนาดรับประทานที่แนะนำอยู่ที่ 200 มิลลิกรัมต่อวัน บริเวอร์มีผลต่อตัวยาอื่น การใช้จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน โรคเก๊าท์หรือมีระบบภูมิคุ้มกันเสียหายอย่างรุนแรงควรหลีกเลี่ยง ทั้งนี้ บริเวอร์ยีสต์ยังมีผลข้างเคียงกับผู้ที่ร่างกายแพ้ต่อการสัมผัสได้ง่าย คืออาจก่อให้เกิดอาการไมเกรน ปวดหัว บางครั้งอาจมีอาการผื่นคัน อาการบวมน้ำ หรือเป็นหัดได้ การใช้ครั้งแรกอาจก่อให้เกิดแก๊สในลำไส้ ดังนั้นจึงควรเริ่มใช้แต่น้อยก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่แนะนำ หากมีอาการคลื่นเหียนอาเจียน ควรหยุดใช้ทันทีและรีบปรึกษาแพทย์ สารสกัดเหล่านี้มีทั้งในรูปของสารสกัดบริสุทธิ์และรูปของอาหารเสริมที่มีจุด มุ่งหมายเฉพาะด้าน เช่น เพื่อให้ผิวขาว ลดกระและฝ้า ลดริ้วรอยหรือให้ผิวพรรณผ่องใส ซึ่งบนฉลากผลิตภัณฑ์ไม่สามารถบอกสรรพคุณนั้น ๆ ได้ เพราะกฎหมายกำหนดไว้ สังเกตได้จากกล่องอาหารเสริมทุกกล่อง จะระบุว่า "การได้รับปริมาณอาหารที่จำเป็นนั้น ควรได้รับจากสารอาหารให้ครบ 5 หมู่" เพราะอาหารเสริมไม่ใช่สิ่งจำเป็น ก่อนตัดสินใจเลือกใช้อาหารเสริมชนิดใด ควรรู้ความต้องการของตนเองเสียก่อน เพื่อจะได้พิจารณาสารที่เป็นส่วนประกอบในอาหารเสริมได้อย่างเหมาะสมหลายคน เข้าใจว่า ยิ่งมีสารมากตัวเท่าไหร่ยิ่งดี ประสิทธิภาพยิ่งสูง ทั้ง ๆ ที่บางครั้ง เราไม่ได้จำเป็นต้องใช้สารตัวนั้นเลย แถมยิ่งมีสารมากตัว ราคาก็ย่อมมากขึ้นด้วย ที่สำคัญ ในทุก ๆ ผลิตภัณฑ์จะระบุปริมาณของสารแต่ละชนิดที่ผสมอยู่ การมีปริมาณสารที่มากหรือน้อยเกินไป ย่อมเกิดผลเสียทั้งนั้น ถ้าคุณต้องการเลือกบริโภคอาหารตามธรรมชาติเพื่อให้ได้รับสารเหล่านั้นแทนการ กินในรูปอาหารเสริม ก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องรับประทานในปริมาณที่มากกว่าเพราะตัวสารสกัดนั้นได้ดึงเอาเฉพาะ สารที่ต้องการเพื่อความสะดวกเป็นสำคัญ แต่มีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย เพราะในกรรมวิธีการสกัดเอาสารนั้นๆ ออกมา จำเป็นต้องใช้ตัวทำละลาย ซึ่งหากผู้ผลิตไม่มีความชำนาญเพียงพอ อาจพบปัญหาการตกค้างของตัวทำละลายที่ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจากบริษัทผู้ผลิตที่ต้องมีความ น่าเชื่อถือและไว้ใจได้ อีกทั้งต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน พิจารณาเลือกซื้อ เพราะอาหารเสริมบางตัวอาจมีผลหักล้างกัน เช่น หากเรารับประทานไคโตซานเพื่อดักจับไขมันในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วน แต่ต้องการน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสออยส์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว เจ้าไคโตซานก็จะดักจับน้ำมันอีฟนิ่งไว้เพราะถือเป็นไขมันชนิดหนึ่ง หรืออย่างผลิตภัณฑ์บางชนิดที่อาจมีผลข้างเคียง เช่น คอนลาเจนที่จะทำให้ร่างกายบวมน้ำ คนที่ท้วมจึงไม่ควรรับประทานเพราะจะยิ่งทำให้ดูน้ำหนักมากขึ้นไปอีก สิ่งที่ต้องพึงปฏิบัติคือการปฏิบัติตามคำเตือนบนฉลาก โดยเฉพาะวิธีใช้ ซึ่งเราควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้อาหารเสริมมีประสิทธิภาพได้อย่างที่ควรจะเป็น ธรรมชาติของอาหารเสริมทุกชนิดที่ควรเข้าใจให้ถูกต้องคือ เมื่อเรารับประทานอาหารเสริมชนิดนั้น ๆ ไปได้สักประมาณ 2 เดือน ควรหยุดประมาณครึ่งถึงหนึ่งเดือนเพื่อให้ร่างกายได้กำจัดส่วนเกินออกไป โดยอาจจะรับประทานวันเว้นวันเพื่อไม่ให้ร่างกายต้องปรับมากเกินไป จากนั้นจึงกลับไปใช้ใหม่ในปริมาณเท่าเดิม การแพ้อาหารเสริม ข้อสังเกตง่าย ๆ ที่บ่งว่าเกิดอาการแพ้คือ ขึ้นผื่น มีอาการบวม หรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น หากเกิดอาการเหล่านี้ อันดับแรกให้กลับมายังร้านที่ซื้อผลิตภัณฑ์ เพื่อสอบถามว่ามีคนเกิดอาการเหมือนเราไหมเพราะถ้ามีเป็นจำนวนมาก ก็น่าจะแสดงว่าเป็นเรื่องของผลข้างเคียงมากกว่าอาการแพ้ แต่ส่วนใหญ่ อาการแพ้อาหารเสริมมักไม่ค่อยรุนแรง เพียงแค่หยุดรับประทานอาการก็จะหายไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น